เมื่อสมัยก่อนที่หลวงพ่อจะบวช ความสงสัยเรื่องนรก-สวรรค์ว่า มีจริงหรือไม่ ก็เคยเกิดขึ้นกับหลวงพ่อเหมือนกัน เพราะว่าการหาครูบาอาจารย์ในทางธรรม ที่กล้ายืนยันว่า นรก-สวรรค์มีจริง นับวันจะหาได้น้อยเต็มที
ยิ่งในยุคนี้เป็นยุคที่เทคโนโลยีเจริญเต็มที่
ถ้าหากมีพระอาจารย์รูปใดยืนยันว่ามีจริง ก็มักจะถูกผู้ที่ไม่เชื่อ
ออกมากล่าวโจมตีว่า เอาสวรรค์มาล่อ เอานรกมาขู่ ซึ่งทำให้ประชาชนทั่วไป
แม้แต่ชาวพุทธก็ชักลังเลว่า นรก-สวรรค์ มีจริงหรือไม่มีจริง ทั้ง ๆ
ที่เรื่องสวรรค์และนรกนี้เป็นเรื่องราว
ที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัสแสดงธรรมไว้มากมาย
แล้วก็มีการบันทึกเป็นหลักฐานอยู่ในพระไตรปิฎกมาเป็นพัน ๆ ปี
เมื่อสมัยหลวงพ่อยังเรียนอยู่ชั้นประถมต้น
ก็เชื่อว่านรก-สวรรค์มีจริง เพราะผู้ใหญ่บอกไว้ตั้งแต่จำความได้
แต่พออยู่ประมาณชั้น ป.๔ ก็เริ่มไม่แน่ใจ เพราะมีผู้ใหญ่บางคนที่ไม่เชื่อมาพูด
ให้ได้ยินว่านรก-สวรรค์ไม่มีจริง
เมื่อความเห็นของผู้ใหญ่แบ่งเป็น ๒ กลุ่มแบบนี้
หลวงพ่อเองแม้เป็นเด็กแต่ก็ต้องการคำยืนยันจากผู้ใหญ่
แต่ก็ปรากฏว่าหาผู้ที่กล้ายืนยันแบบชัด ๆ ไม่ค่อยได้
หลวงพ่อนำคำถามนี้ไปถามพระ ถามครูถามลุงป้าน้าอา
เพื่อต้องการคำยืนยันว่าสวรรค์-นรก มีจริงหรือไม่มีจริง
แล้วก็พบว่าผู้ใหญ่ส่วนใหญ่จะตอบแบบก้ำกึ่งว่ามันน่าจะมี
เพราะว่าในพระไตรปิฎกมีบันทึกไว้มาก แต่ว่าท่านเองก็ไม่เคยเห็นด้วยตัวเอง
การที่ท่านเชื่อว่าน่าจะมี
ก็เพราะว่าพระไตรปิฎกนั้นเป็นบันทึก ของพระอรหันต์ไม่ใช่บันทึกของชาวบ้านปุถุชน
แล้วในการที่คัดลอกต่อ ๆ กันมาจนถึงปัจจุบันนี้ บรรพบุรุษของเราในยุคโน้นก็ไม่มีเหตุผล
ว่าจะโกหกเราไปทำไม เพราะท่านก็ไม่ได้อะไร
จากการที่คัดลอกพระไตรปิฎกไว้เป็นมรดกให้แก่ลูกหลาน
การคัดลอกพระไตรปิฎกนั้น
หลวงพ่อยังทันได้เห็นเมื่อตอนเป็นเด็ก สมัยนั้นเวลาเขาคัดลอกลงใบลาน
กว่าจะได้ใบลานมาใช้งาน เขาก็ต้องลงแรงกันมากทีเดียว
เขาต้องไปเลือกใบลานก่อน เลือกแล้วเลือกอีกอยู่นาน
แล้วก็นำมาตาก นำมาผึ่งแดดแล้วก็นำมาตัด นำมากรีด จนกระทั่งได้ขนาดที่พอดี
แล้วก็ใช้เหล็กเขียนตัวอักษรลงไปบนใบลาน
การเขียนอักษรบนใบลาน เขาใช้คำศัพท์ว่า “ จาร ”
คำว่า “ จาร ” แปลว่า “ เขียน ” การใช้เหล็กจารก็คือ การใช้เหล็กเขียน โดยมีด้ามจับเป็นไม้
แล้วตรงปลายมีเหล็กแหลมใช้เขียนลงไปบนใบลาน
เวลาเขียนต้องกดปลายเหล็กแหลม ๆให้กินลงไปในเนื้อของใบลาน
พอเขียนเสร็จหมด ๑ ใบแล้ว ก็ต้องเอาน้ำมันของต้นยางผสมกับดินหม้อดำๆ
ที่ได้มาจากก้นหม้อก้นกระทะ พอผสมได้ที่แล้วก็จะได้น้ำมันยางเป็นสีดำ
แล้วเขาก็ทาลงไปที่ใบลาน
เมื่อทาลงไปแล้ว น้ำมันยางกับดินหม้อดำ ๆ
ก็แทรกเข้าไปในเนื้อของใบลาน แล้วเขาก็ใช้ผ้าค่อย ๆ เช็ดสีดำ ๆ
ที่เปื้อนใบลานอยู่ออกไป ก็จะเหลือแต่สีดำ ๆ ฝังไว้ในรอยขีดรอยเขียนบนใบลาน
เพราะฉะนั้น กว่าจะเขียนใบลานได้แต่ละใบ ไม่รู้เขาเมื่อย
เขาเหนื่อยกันขนาดไหน ถ้าเขียนผิดพลาดตัวหนึ่ง ก็ต้องทิ้งทั้งแผ่นเพราะลบไม่ได้
การเขียนพระไตรปิฎกในอดีตจึงเหนื่อยหนักหนาสาหัสนัก
เมื่อตอนหลวงพ่อยังเด็ก ก็เคยได้ยินผู้ใหญ่รุ่นนั้น
ท่านบ่นเหมือนกันว่า วันนี้เขียนได้ตั้ง ๒ แผ่น ๓ แผ่น เมื่อยมือเมื่อยหลังไปหมดเลย
หลวงพ่อเป็นเด็กก็ยังไม่รู้เรื่องอะไรมากก็เลยถามท่านว่า
ถ้าเมื่อยแล้วจะไปเขียนทำไม ท่านก็บอกว่า “ฉันจะเอาบุญ” หลวงพ่อก็เลยได้คิดว่า
ที่ท่านมานั่งหลังขดหลังแข็งจารึกพระไตรปิฎกลงใบลานเป็นวัน ๆ ก็เพราะว่า
ท่านจะเอาบุญ ท่านไม่ได้รับจ้างเขียนหนังสือ ไม่ได้รับจ้างเขียนใบลาน
การที่หลวงพ่อใช้คำว่า ท่าน ก็เพราะว่ามีทั้งพระ
มีทั้งฆราวาสที่ผ่านการบวชแล้ว มาช่วยกันเขียน ฆราวาสก็คืออดีตพระ
เพราะผู้ชายอายุครบ ๒๐ ปีในยุคโน้น ก็บวชเรียนกัน
ทำให้มีความสามารถในการเขียนใบลาน เมื่อสึกหาลาเพศไปมีครอบครัว พอพ้นฤดูทำนา
ท่านก็มาช่วยหลวงพ่อ มาช่วยพระอาจารย์เขียนพระไตรปิฎก จารตัวอักษรลงใบลานกัน
เขาทำสืบทอดกันอย่างนี้มาเป็นร้อยเป็นพันปี ทำด้วยความศรัทธา
ทำด้วยความเหนื่อยยากเพราะฉะนั้นท่านจึงไม่มีเหตุผล
จะต้องมาเขียนเพื่อโกหกคนรุ่นหลัง
เรื่องที่เล่ามาเป็นแค่เรื่องการเขียนลงใบลาน ส่วนเรื่องการลองผิดลองถูก เมื่อพัน ๆ ปีก่อนหน้าโน้น กว่าจะสรุปได้ว่าต้องเป็นใบลาน ก็คงใช้เวลาอยู่ไม่น้อย แล้วใบลานก็ยังมีหลายชนิด กว่าจะสรุปได้ว่าใบลานชนิดไหน ใช้ได้หรือไม่ได้ ก็คงหมดเวลาอีกไม่น้อย เมื่อได้ชนิดใบลานแล้ว กว่าจะสรุปได้ว่าต้องใช้ใบแก่ขนาดนั้นขนาดนี้ เลือกแล้วเลือกอีก ก็คงใช้เวลาอีกไม่น้อย
เพราะฉะนั้น หลวงพ่อ หลวงปู่
ในยุคโน้น แม้ตัวท่านเองยังมองนรก มองสวรรค์ไม่เห็น แต่ท่านก็มีความมั่นใจ
ว่าอย่างน้อยต้องมีจริง เพราะเห็นความวิริยอุตสาหะของปู่ย่าตาทวดของท่าน
ที่พากเพียรบันทึกพระไตรปิฎกลงใบลานสืบทอดกันมาเป็นพันๆ ปี
ในฐานะที่ตอนนั้นหลวงพ่อเป็นเด็ก จึงตระเวนถามไปทั่ว
บางท่านก็ตอบชัดเจนว่ามีจริง แต่พอซักถามต่อว่า หลวงพ่อหลวงพี่เคยเห็นหรือ
ท่านก็ดีนะตอบตรง ๆ ว่าไม่เคย หลวงพ่อก็ซักถามอีกว่า
แล้วทำไมหลวงพ่อหลวงพี่มั่นใจล่ะว่ามีจริง ? ท่านก็ตอบว่า
แม้ท่านจะไม่เคยเห็น แต่อาจารย์บ้าง หลวงลุงของท่านบ้างเคยเห็น
แล้วท่านก็ไม่รู้จะโกหกไปทำไม ความที่สมาธิของท่านยังไม่แก่กล้า พอมีคนไปถาม
ท่านก็ตอบมาแบบก้ำกึ่ง เพราะท่านก็กลัวว่าจะกลายเป็นพูดเท็จไป
เมื่อท่านตอบมาแบบนี้ ก็เลยทำให้คนฟังหมดความมั่นใจ
หลวงพ่อเองเมื่อสมัยก่อนบวช
เมื่อเรียนอยู่ชั้นปีสุดท้ายของมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ก็ยังสงสัยเรื่องนรก-สวรรค์
ว่ามีจริงหรือไม่อยู่เหมือนเดิม แต่ก็หาใครตอบคำถามแบบกล้ายืนยันไม่ได้สักที
จนกระทั่งเมื่อได้มาพบกับคุณยาย (คุณยายอาจารย์มหารัตนอุบาสิกาจันทร์ ขนนกยูง)
พอพบกันครั้งแรกก็ถามคุณยายทันทีว่า....
(ครูผู้อยู่เบื้องหลังความสำเร็จของวัดพระธรรมกาย)
“ ยาย เรื่องนรก-สวรรค์นี่
มีจริงหรือไม่จริง ? ”
คุณยายตอบแบบชัดเจนเลยว่า “มีสิคุณ” คุณยายตอบด้วยน้ำเสียงที่มั่นใจขนาดนั้นยังไม่พอ
ยังยืนยันเพิ่มเติมด้วยว่า “
ยายไปช่วยพ่อมาด้วยตัวเอง พ่อยายละโลกแล้วไปตกนรก
เพราะว่าตอนมีชีวิตอยู่กินเหล้าทุกเย็น ยายไปช่วยมาเลยนะ อาราธนาพระธรรมกายในตัวไปช่วยมาเลย
พ่อยายจึงได้พ้นนรก ”
หลวงพ่อก็ซักถามต่อว่า “ ยาย คนที่ตกนรกไปช่วยกันได้หรือ ? ”
“ ได้สิคุณ”
“แล้วอย่างผมจะมีโอกาสทำได้บ้างไหม ? ”
“ได้สิคุณ
ยายนี่กอข้อไม่กระดิกหู (ก ข โบราณอ่านว่า กอข้อ) อ่านไม่ออก เขียนไม่ได้
ไม่ได้เรียนหนังสือเลย ยายยังทำได้ พวกคุณเป็นนักศึกษา เรียนจบตั้งเมืองนอกเมืองนา
ถ้าตั้งใจจริง ๆ ทำไมจะทำไม่ได้”
เพราะฉะนั้น เมื่อคุณยายตอบหนักแน่นอย่างนี้
ก็ทำให้อุ่นใจได้ว่า
๑. นรก-สวรรค์มีจริงแน่
๒. ทุกคนมีสิทธิ์ไปพิสูจน์ด้วยตนเอง
ไปนรก ไปสวรรค์ได้ แต่ว่าต้องขยันนั่งสมาธิ
๓. ผู้พูดได้ไปช่วยพ่อของตัวเองมาแล้ว
และก็ยืนยันด้วยว่าอย่างเราก็ทำได้
ต่อมาภายหลัง คุณยายท่านก็เล่าให้ฟังเพิ่มเติมว่า
"หลวงปู่วัดปากน้ำท่านใช้คำว่า การไปนรก-สวรรค์เป็นเรื่องไม่ยากสำหรับคนที่เข้าถึงพระธรรมกาย เพราะถ้ายากก็คงจะไม่มีคนทำได้ มันง่ายสำหรับคนที่ทำได้ สำหรับคนที่ไม่ได้แต่มันยากทำ”
หลวงพ่อก็ซักถามอีกว่า
“ยาย ในโรงงานทำวิชชารุ่นเดียวกับยาย มีคนทำได้หลายคนไหม หรือว่าทำได้แต่เฉพาะยาย ?”
คุณยายก็ให้ความมั่นใจว่า “ ในโรงงานทำวิชชาทำได้หลายคน ขอให้คุณขยันนั่งสมาธิให้มาก ๆ ก็จะทำได้เอง
”
ดังนั้น สำหรับผู้ที่ยังคลางแคลงสงสัยเรื่องนี้
ทางที่ดีก็คืออย่าเพิ่งเชื่อ และอย่าเพิ่งปฏิเสธ ให้เอาความเชื่อไว้บนหิ้ง
เอาความจริงมาพิสูจน์ พิสูจน์ด้วยการขยันนั่งสมาธิทุกวัน
พร้อมทั้งตั้งใจทำทานรักษาศีลไปด้วย วันใดที่เราเข้าถึงพระธรรมกาย
วันนั้นเราก็จะเกิดความมั่นใจขึ้นมาเองว่า การเข้าถึงธรรมมีจริงนรก-สวรรค์มีจริง
และคำสอนที่บันทึกในพระไตรปิฎกเป็นความจริง ขอให้นั่งสมาธิต่อไปทุกวัน
โดยมีหลักสำคัญว่าทำให้จริง และทำให้ถูกวิธี เพราะของจริงต้องคู่กับคนจริง
เราถึงจะพิสูจน์ความจริงได้ด้วยตัวเราเอง
พระธรรมเทศนาโดยหลวงพ่อทตฺตชีโว
หนังสือหลวงพ่อตอบปัญหา
ท้ายที่สุดนี้ จากพระธรรมเทศนาเบื้องต้นที่
เราทุกคนที่ได้มีโอกาสเข้ามาทัสนาได้ประเทืองประดับสติปัญญา ทำให้เราทุกคนได้รับความกระจ่าง
ในเรื่องนรก-สวรรค์ว่ามีจริงหรือไม่นั้น อยู่ที่ว่าเราจะเชื่อตอนเป็นหรือจะไปเห็นตอนตาย มนุษย์เราเกิดมาตายแล้วไม่สูญ สูญแต่กายหยาบ
ส่วนดวงจิตนี้ต้องไปเกิดตามแรงกรรม ที่แต่ละคนได้สร้างเอาไว้ก่อนที่จะละโลก
ทำดีก็ได้อานิสงส์ได้ไปสวรรค์ ทำชั่วก็ได้วิบากต้องไปตกนรก
เมื่อเราทราบเช่นนี้แล้ว จงดำเนินชีวิตด้วยความไม่ประมาท
ทุกวันหมั่นเข้าวัดบำเพ็ญบุญ ทำทาน รักษาศีล เจริญสมาธิภาวนา
และสวดมนต์บทธัมมจักกัปปวัตตนสูตร เพื่อสั่งสมบุญสร้างบารมี เมื่อถึงคราหลับตาลาโลก
เราทุกคนจะได้ไปสวรรค์เสวยสุข ดังพุทธศาสนสุภาษิตความว่า
น
ทุคฺคตึ คจฺฉติ ธมฺมจารึ
ผู้ประพฤติธรรม
ย่อมไม่ไปสู่ทุคติ
ที่มา : ขุททกนิกาย ชาดก ทสกนิบาต (ขุ. ชา. ทสก. ๒๗/๒๙๐)
วันที่ ๑๐ ตุลาคม พ.ศ. ๒๕๖๓ นี้ วาระวันคล้ายวันเกิดด้วยรูปกายเนื้อ
พระเดชพระคุณพระมงคลเทพมุนี (สด จนฺทสโร) ครูผู้ค้นพบวิชชาธรรมกาย
เรียนเชิญลูกศิษย์วัดพระธรรมกายและผู้มีบุญทั่วโลก ร่วมสวดธัมมจักกัปปวัตตนสูตร
ให้ได้ ๒,๗๖๖,๐๐๐,๑๓๖ จบ เพื่อน้อมถวายเป็นพุทธบูชา และ บูชาธรรมท่าน
เรียนเชิญทุกท่านสวดธัมมจักกัปปวัตตนสูตรตามลิงก์นี้
ขอกราบอนุโมทนาบุญมา ณ โอกาสนี้
สาธุค่ะ
กราบขอบพระคุณที่มาแห่งความสมบูรณ์ของบลอค :
พระธรรมเทศนาโดยหลวงพ่อทตฺตชีโว เรื่องนรกสวรรค์มีจริงหรือไม่
ยาย : คุณยายอาจารย์มหารัตนอุบาสิกาจันทร์ ขนนกยูง ศิษย์เอกพระมงคลเทพมุนี (สด จนฺทสโร)
ลิงก์สวดธัมมจักกัปปวัตตนสูตร สวดเสร็จช่วยกันกดไลฟ์ กดแชร์ กดติดตาม เพื่อเป็นกำลังใจกันและกัน
ใช้เพื่อการสอนศีลธรรม โปรดใช้วิจารณญาณ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น