ค้นหาบล็อกนี้

วันพุธที่ 9 กันยายน พ.ศ. 2563

ทศบารมี (ภาคเกริ่นนำ)

                                   



  พระธรรมพุทธิมงคล (หลวงพ่อสะอิ้ง สิรินนฺโท ป.ธ. ๘)

เจ้าอาวาสวัดป่าเลไลยก์ ที่ปรึกษาเจ้าคณะจังหวัดสุพรรณบุรี

พระมหาเถระปราชญ์แห่งเมืองสุพรรณ

                                  

 

วันนี้ขอน้อมนำเนื้อหาเกริ่นนำธรรมะอันทรงคุณค่าจากหนังสือ “เสียงพระ เสียงเพลง” ของพระมหาเถระปราชญ์แห่งเมืองสุพรรณ ประดับสติประเทืองปัญญาแก่ผู้ใคร่ในธรรม  เพื่อน้อมนำเป็นแนวทางในการดำเนินชีวิตอย่างมีความสุข และปลอดภัยในสังสารวัฏ

 

สามัญชน (ปุถุชน) ทั่วไปทั้งคนดีคนชั่ว ต่างมีกิเลสคือ ความโลภ ความโกรธ และความหลงเหมือนกันและเท่ากัน ถ้าไม่มีศีลธรรมเป็นเครื่องกำหนด ก็ไม่รู้ว่า “ใครดี ใครชั่ว” เหมือนกับไม่มีกฎหมายก็ไม่รู้ว่า “ใครผิด ใครถูก” ฉันนั้น

 

ศีลธรรมจึงเป็นมาตรฐานสากล วัดความดีความชั่วของคนได้ทั้งโลกา ใครควบคุมความโลภ ความโกรธ ความหลง ของตนให้อยู่ในขอบเขตแห่งศีลธรรม ไม่ละเมิดสิทธิในชีวิตทรัพย์สินและชื่อเสียงของคนอื่น มีเมตตากรุณาคิดช่วยเหลือเกื้อกูลผู้อื่นเสมอ คนนั้นเป็นคนดี

 

ตรงกันข้ามก็เป็นคนชั่ว เข้าใจคนชั่ว แต่ทั้งคนดี คนชั่ว ต่างก็เป็นมรดกของโลกด้วยกัน (เหมือนอาหารและอุจจาระ จำต้องมีในกระเพาะของทุกคน) โลกจึงมีทั้งความสงบสุขและความทุกข์ร้อนสลับกันไป ขึ้นอยู่กับว่าฝ่ายใดได้อำนาจปกครองโลก ดังนั้นศีลธรรมจึงยังจำเป็นต้องมี แม้ในยุคโลกาภิวัตน์ เพราะความสงบสุขยังเป็นที่ต้องการของสังคมอยู่

 

เรื่องที่นำเสนอนี้ เป็นเนื้อหาทางศีลธรรม เป็นคำสอนพระและแต่งเป็นคำกลอน  ซึ่งสามารถใส่ทำนองขับร้องได้ จึงให้ชื่อว่า “เสียงพระ เสียงเพลง” หวังว่าจะเป็นเสียงกระซิบสังคมให้หวนระลึกถึงคำว่า “ศีลธรรม” กันบ้าง เพราะคำนี้เคยมีบทบาทสำคัญสร้างจารีตประเพณี หล่อหลอมสังคมเรา ให้อยู่ร่วมกันอย่างสงบสุขมาช้านาน เดี๋ยวนี้ถูกลบออกจากความรู้สึกของสังคมเกือบหมดแล้ว น่าเสียดาย ได้ยินว่า แม้ในตำราเรียนก็ไม่มีคำนี้ ให้นักเรียนได้พบเห็นเลย จึงชวนให้สงสัยว่า ศีลธรรมไม่เหมาะที่จะเป็นกติกาสังคมในยุคโลกาภิวัตน์หรืออย่างไร

 

ทศบารมีเป็นเรื่องที่ว่าด้วย การบำเพ็ญบารมีของพระโพธิสัตว์ใน ๑๐ พระชาติ หรือที่เรียกว่า พระเจ้าสิบชาติ ซึ่งในประเพณีนิยม เรียงตามลำดับของพระโพธิสัตว์ผู้บำเพ็ญคุณธรรมดังนี้

 

เตมีย์ (เนกขัมมบารมี)

มหาชนก (วิริยบารมี)

สุวรรณสาม (เมตตาบารมี)

เนมิราช (อธิษฐานบารมี)

มโหสถ (ปัญญาบารมี)

ภูริทัต (ศีลบารมี)

จันทกุมาร (ขันติบารมี)

นารทะ (อุเบกขาบารมี)

วิฑูร (สัจจะบารมี)

เวสสันดร (ทานบารมี)

 

ในบทประพันธ์นี้ยึดเอาคุณธรรมเป็นหลัก จึงกล่าวว่าด้วยทาน ศีล เนกขัมมะ ปัญญา วิริยะ ขันติ สัจจะ อธิษฐาน เมตตา และอุเบกขา ตามลำดับ เนื้อความเป็นกลอนสี่สัมผัสต่อเนื่องกันตลอด เหมาะสำหรับประชาชนทั่วไป ผู้ประสงค์จะพัฒนาจิตใจเข้าสู่ระดับที่ว่า “สาธุชน สร้างบารมี”

 

หากเรื่องนี้จะเป็นประโยชน์แก่ใครบ้างแม้น้อยนิด ขออุทิศเป็นเครื่องสักการะบูชา พระคุณบุพการีทั้ง ๔ ระดับของพวกเรา คือ

พ่อ-แม่                                ผู้ให้ชีวิตเลือดเนื้อ

ครูบาอาจารย์                      ผู้ให้วิชาความรู้

พระมหากษัตริย์                  ผู้ให้ประเทศชาติอยู่

พระสัมมาสัมพุทธเจ้า          ผู้ให้ศาสนานับถือ

 

ภูมิ  เว  สปฺปุริสานํ     กตญฺญูกตเวทิตา

รู้จักบุพการี              ทำความดีตอบแทนท่าน

ธรรมนี้เป็นพื้นฐาน     ของคนดีศรีแผ่นดิน


Cr.พระธรรมพุทธิมงคล (หลวงพ่อสะอิ้ง สิรินนฺโท ป.ธ.๘)

เจ้าอาวาสวัดป่าเลไลยก์ ที่ปรึกษาเจ้าคณะจังหวัดสุพรรณบุรี

พระมหาเถระปราชญ์แห่งเมืองสุพรรณ

 

 

โปรดติดตาม กลอนสี่สุภาพเรื่อง “พระบารมีธรรม ๑๐ ทัศ ต่อ...

 

กราบขอบพระคุณที่มาแห่งความสมบูรณ์ของบลอค :

บทความโดยพระธรรมพุทธิมงคล (หลวงพ่อสะอิ้ง สิรินนฺโท ป.ธ. ๘) เกริ่นนำเรื่องทศบารมีภาค๒ (หนังสือเสียงพระ เสียงเพลงหน้า ๗– ๑๑)

ภาพประกอบ 

1 ความคิดเห็น:

โลกสว่างไสวด้วย...สองมือเรา

การเกิดเป็นมนุษย์เป็นของยาก การได้เกิดมาเจอคำสอนของพระพุทธศาสนา มีศรัทธารักที่จะ ละชั่ว ทำความดี ทำใจใส ๆ ตามคำสอนของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ถือ...