ค้นหาบล็อกนี้

วันศุกร์ที่ 18 กันยายน พ.ศ. 2563

จริงคำเดียวสำเร็จทุกอย่าง


 





"ของจริงต้องคู่กับคนจริง" นั้นเป็นอย่างไร? 


ทำไมบางคนเข้าวัดปฏิบัติธรรม สวดมนต์นั่งสมาธิไม่เคยขาด แต่ยังไม่เข้าถึงพระธรรมกาย บางคนกว่าจะชวนเข้าวัดได้ก็แสนยาก แต่พอมานั่งสมาธิกลับเข้าถึงพระธรรมกายได้ง่าย ๆ


เรามาทบทวนกันก่อนว่า เราปฏิบัติธรรมไปเพื่ออะไร 

ระดับแรกคือเพื่อฝึกให้ใจหยุดนิ่ง

ระดับที่สองคือเพื่อเข้าถึงพระธรรมกายในตัว  

ระดับที่สามคือด้วยธรรมจักขุของพระธรรมกายจึงเห็นอริยสัจ 4 นั่น คือเห็นและกำจัดกิเลสได้

จากเส้นทางการปฏิบัตินี้ จึงทำให้เรามองออกว่า อริยสัจ 4 ไม่ใช่เรื่องห่างไกลจากตัวเราเลย

 




เพราะเป้าหมายชีวิตจริง ๆ ของพวกเรา คือการปฏิบัติธรรม เพื่อจะเข้าถึงธรรมะที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าได้ตรัสรู้แล้ว เข้าถึงแล้ว ไปเห็นมาแล้ว ซึ่งก็คือการตรัสรู้อริยสัจ 4



อริยสัจ 4 เป็นความประเสริฐอันแสนวิเศษ เพราะใครที่ได้รู้เรื่องความจริงนี้ แม้เพียงรู้จักจากคำบอกเล่าของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ก็จะเริ่มค้นหาทางออก จากทุกข์ที่วนเวียนอยู่ในวัฏสงสาร เมื่อหาทางออกเจอแล้ว ก็จะพ้นจากการเป็นบ่าว เป็นทาสของพญามารได้ ความจริงอันประเสริฐ 4 ประการ สรุปได้ว่า

1. ชีวิตนี้เป็นทุกข์

2. ทุกข์นี้เกิดจากกิเลสที่ฝังอยู่ในใจ

3. ทุกข์ทั้งหลายแก้ได้ กำจัดได้

4. ข้อปฏิบัติในการกำจัดทุกข์กำจัดกิเลส คือ มรรคมีองค์ 8 ประการ

 

ความจริง 4 ประการนี้ต้องรีบรู้ แล้วลงมือปฏิบัติมรรคมีองค์ 8 ใจจึงจะหยุดจะนิ่ง เมื่อใจหยุดนิ่ง ที่ศูนย์กลางกายฐานที่ 7 แล้ว ก็จะเข้าถึงพระธรรมกายในตัว แต่การจะปฏิบัติมรรคมีองค์ 8 แล้วเข้าถึงพระธรรมกายได้นั้น มีทางเดียวคือ ต้องมีสัจจะคือ ต้องจริง




ถ้าคุณปฏิบัติมรรคมีองค์ 8 ได้จริง คุณก็จะเข้าถึงพระธรรมกายจริง แล้วคุณก็จะได้เห็นอริยสัจ 4 จริง แล้วคุณก็จะปราบกิเลสได้จริง มันจริงเป็นชั้น ๆ เป็นขั้นตอนการฝึกตัวไปตามลำดับอย่างนี้

 

การปฏิบัติมรรคมีองค์ 8 นี้ จะต้องมีสัจจะทำจริงใน 5 สถาน คือ ปฏิบัติให้สมกับหน้าที่ ให้สมกับการงาน ให้สมต่อวาจา ให้สมต่อบุคคล ทุกคนที่เราต้องเกี่ยวข้อง และให้สมต่อความดี

 

ปฏิบัติจริง 5 สถาน ชื่อว่าปฏิบัติมรรคมีองค์ 8 จริง

1. จริงต่อหน้าที่

2. จริงต่อการงาน

3. จริงต่อบุคคล

4. จริงต่อวาจา

5. จริงต่อความดีหรือธรรมะ

 

สิ่งที่ขาดตกบกพร่องไปในการนั่งสมาธิของเรา ทำให้สมาธิไม่ก้าวหน้าก็อยู่ตรงนี้เอง ตรงที่การจะปฏิบัติมรรคมีองค์ 8 ไม่ใช่ปฏิบัติเฉพาะขณะที่เรานั่งสมาธิ แต่ต้องต่อเนื่องไปจนกระทั่ง ถึงขณะปฏิบัติหน้าที่การงานอื่นๆ ด้วย

1-2. สัจจะต่อหน้าที่และการงาน

หน้าที่ คือ ภารกิจที่ต้องรับทั้งผิดทั้งชอบ โอนให้ใครไม่ได้


การงาน คือ สิ่งที่ต้องทำตามหน้าที่ ที่เรารับผิดชอบทันทีที่เกิดมา เราก็ต้องมีหน้าที่แล้ว ตั้งแต่หน้าที่เป็นลูกที่ดีของพ่อแม่ ถ้าเราไม่ใช่คนโตก็ต้องเป็นน้องที่ดีของพี่เขาด้วย แล้วก็ต้องเป็นหลานที่ดีของปู่ย่า ตายาย ของลุงป้า น้าอา อีกด้วยเมื่อโตขึ้นมาอีกนิดไปโรงเรียน ก็มีหน้าที่เป็นลูกศิษย์ที่ดี ไปที่โรงเรียนมีเพื่อน ก็เลยต้องมีหน้าที่เป็นเพื่อนที่ดี


เมื่อโตขึ้นมาก็มีหน้าที่เป็นประชาชนที่ดี ต่อมาแต่งงานก็มีหน้าที่เป็นสามีที่ดี เป็นภรรยาที่ดี ต่อมามีลูกก็ต้องเป็นพ่อที่ดีเป็นแม่ที่ดี ครั้นเมื่อมาบวชเป็นพระก็มีหน้าที่ตามที่พุทธองค์ทรงสั่งไว้ ต้องเป็นพระที่ดีเมื่อเกิดมาเป็นคนแล้ว ต่างก็มีหน้าที่ติดตัวมา บางอย่าง เป็นหน้าที่ตามธรรมชาติ บางอย่างก็เป็น หน้าที่ที่เกิดตามความสัมพันธ์เกี่ยวข้อง แต่ละหน้าที่ก็มีการงาน ที่ต้องทำตื่นเช้าขึ้นมา หน้าที่หลักของชีวิตคือเราจะต้องไปปราบกิเลสให้หมดไปให้ได้ ด้วยการปฏิบัติมรรคมีองค์ 8 เราก็ตั้งหน้าตั้งตาประพฤติปฏิบัติธรรมบ่มเพาะ สัมมาทิฐิ สัมมาสมาธิ


ตั้งแต่เช้ามืด เราก็สวดมนต์ทำวัตรนั่งภาวนาไปกับคุณครูไม่ใหญ่ กลางวันก็แบ่งเวลาทุกชั่วโมงขอ 1 นาที เพื่อหยุดใจนึกถึงดวง นึกถึงองค์พระ หรือทำใจนิ่ง ๆ ว่าง ๆ ที่ศูนย์กลางกายฐานที่ 7 พอตกกลางคืนถึงเวลามาศึกษาธรรมะ มาดู gbn.tv ฟังธรรมะจากพระอาจารย์ พอเสร็จเรียบร้อย ก็ต้องทำภาวนาตามเทปของคุณครูไม่ใหญ่


การที่พวกเราปฏิบัติกันอย่างนี้ได้ทุกวันทุกคืน กลายเป็นสัจจะต่อหน้าที่นักสร้างบารมีที่ดีอย่างนี้ เขาเรียกว่ามีสัจจะต่อหน้าที่ มีสัจจะต่อการงาน


นอกจากนี้ เรายังมีหน้าที่จะต้องรักษากายนี้ให้ดี ดูแลรักษาสุขภาพให้ดี เพราะจะต้องใช้กายนี้ไปสู้กับกิเลส มีการงานต้องทำมาหาเลี้ยงชีพ บ้างเป็นผู้ผลิต บ้างทำธุรกิจ บ้างรับราชการ บ้างทำงานเอกชน ต่างก็ทำเพื่อจะได้มีปัจจัย 4 เอามาเลี้ยงตัวทั้งเรื่องกิน เรื่องใช้


ยิ่งคนมีครอบครัว ตื่นขึ้นมาแม่บ้านมีการงานที่จะต้องทำ ในการดูแลพ่อบ้าน พ่อบ้านก็มีหน้าที่การงานที่ต้องทำต่อแม่บ้านเช่นกัน


สัจจะต่อหน้าที่และการงาน ในเชิงปฏิบัติท่านใช้คำว่าต้อง จริงจัง จึงจะถือว่ามีสัจจะ ไม่ทำอะไรเป็นเล่น ไม่เป็นสามีภรรยากันเล่น ๆ ไม่เลี้ยงลูกแบบเล่น ๆ อย่างกับเล่นตุ๊กตา มีหน้าที่ต้องรับผิดชอบ ทำการงานอะไรแล้ว ต้องเสร็จ ต้องทันเวลา และต้องดี


3-4. สัจจะต่อบุคคลและต่อวาจา


หน้าที่การงานทั้งหมดนี้ เราต้องทำกับคนอื่น จึงต้องมีสัจจะต่อบุคคลที่เกี่ยวข้องด้วย และแน่นอนว่า รวมถึงมีสัจวาจาด้วย สัจจะต่อหน้าที่ผูกพันมาถึงสัจจะต่อการงาน เช่นเดียวกับที่สัจจะต่อบุคคล ก็จะต้องมีสัจจะต่อวาจาด้วย


สัจจะต่อวาจาและสัจจะต่อบุคคล โบราณาจารย์ท่านสรุปว่า นี้เป็นลักษณะของความจริงใจ ก่อนจะพูดจาอะไรกับใคร ให้คิดแล้วคิดอีก ยิ่งถึงกับตกลงสัญญากับใครไว้แล้ว ห้ามเบี้ยว ห้ามบิด ห้ามพลิ้ว ทำงานกับใคร ก็ถนอมใจกันบ้าง เห็นใจกันบ้าง เป็นตายก็ไม่ทิ้งกัน นี้คือลักษณะของความจริงใจ ทั้งต่อบุคคล ทั้งต่อวาจาคำพูดของเรา


วันใดขาดความจริงใจ ขณะที่มานั่งปฏิบัติธรรม จึงมีอะไรคอยผุดมา

กวนเรา องค์พระทำท่าจะชัด เรื่องบางอย่างกลับโผล่ขึ้นมากวนจิตใจเมื่อจริงใจต่อวาจา ทุกคำที่พูด ต่อทุกคนที่เราคบค้าสมาคม สิ่งนั้นจะเป็นเหตุให้เรา ทำใจหยุด ทำใจนิ่ง หรือปฏิบัติมรรคมีองค์ 8 ได้ครบบริบูรณ์เร็ว


5. สัจจะต่อความดี 


จริงต่อหน้าที่ จริงต่อการงาน จริงต่อบุคคล จริงต่อคำพูดแล้ว ยิ่งไปกว่านี้ยังต้องจริงแสนจริง ต่อความดีอีกด้วย


จริงต่อความดี คือ รู้ว่าอะไรดี รู้ว่าอะไรชั่ว อะไรที่ชั่วแล้วไม่ต้องรอให้ใครมาเตือน พอรู้ว่าชั่วหยุดทันที หยุดกึกหักดิบ รู้ว่าอะไรดีทุ่มชีวิตทำไป รู้ว่านิสัยอันนี้มีกับเราแล้วจะดีก็บ่มเพาะเข้าไป ธาตุทรหดดีก็เพิ่มเข้าไป รู้ว่านิสัยงอแงขี้แยน้อยใจไม่ดีก็หักดิบเลิกให้ได้ นี้คือคำว่าจริงต่อความดี


จริงต่อความดีนี้เป็นสิ่งที่เกินกว่า จะเรียกว่าจริงจัง เกินกว่าจะเรียกว่าจริงใจ เขาจึงเรียกว่าจริงแสนจริงต่อความดี เมื่อจริงแสนจริงต่อความดีอย่างนี้ ใจก็หยุดก็นิ่ง แล้วนิ่งเร็วด้วย ของจริงคู่กับคนจริง ของจริงก็คือ พระธรรมกายที่อยู่ภายในตัว เข้าถึงได้ด้วยใจหยุดใจนิ่งจริง เป็นที่พึ่งที่ระลึกได้จริง


คนจริง หมายถึง ผู้ที่มีทั้งความจริงจัง จริงใจ และจริงแสนดี สมบูรณ์อยู่ในตัวการที่เราพาเพื่อนเข้าวัด กว่าจะเอาตัวมาได้ว่ายากนัก แต่พอเขามาถึงปุ๊บ วันนั้นเขากับเราก็นั่งสมาธิพร้อม ๆ กัน ปรากฏว่า เพื่อนเข้าถึงองค์พระแล้ว ที่เป็นอย่างนั้นบอกได้เลยว่า เพื่อนของคุณคนนั้นเขาเป็น คนจริง เขาได้ฝึกสัจจะ 5 ประการนี้ผ่านหน้าที่การงาน ผ่านบุคคลผ่านคำพูด และการแก้ไขนิสัยใจคอมาตลอดชีวิตของเขา เขาทำอย่างนี้มานาน เขาเลยเป็นคนที่ใจนิ่งได้ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น


บุคคลประเภทนี้ เป็นบุคคลประเภทนิ่งจริง ไม่ว่าอะไรที่มาถึงเขา เขาทำดีเยี่ยมเลย เกิดอุปสรรคอะไรขึ้นมา ไม่เคยโวยวายสักคำ นิ่งหาช่องทางแก้ไขอยู่ตลอดเวลา แล้วเขาก็ประสบความสำเร็จในชีวิตมาตามลำดับ ๆ


บุคคลประเภทนี้ มาถึงวัดเมื่อใด นั่งเดี๋ยวเดียวเขาก็ใจหยุดใจนิ่ง เข้าถึงพระธรรมกายในตัวได้ ส่วนใครที่ยังไม่ได้ฝึกตัวทั้ง 5 ประการนี้มาดี พอ เข้าวัดมาแล้ว ก็ต้องใช้เวลาฝึกก่อน ถึงจะมีโอกาสเข้าถึงธรรม แต่ถ้าวัดก็ไม่เข้า ฝึกก็ไม่ฝึก แบบนี้คงต้องใช้เวลาอีกมาก กว่าจะเข้าถึงธรรม



ดังนั้น การปฏิบัติมรรคมีองค์ 8 ในการปฏิบัติจริง ๆ แล้ว กลับเหลือเพียงการฝึกสัจจะ 5 สถาน โดยมีวิธีวัดง่าย ๆ ว่า สัจจะ 5 ประการของเราสมบูรณ์ดีไหม ถ้าสัจจะทั้ง 5 ประการของเรานี้สมบูรณ์ เราต้องสว่าง ถ้ายังมืดอยู่ ก็แสดงว่าทั้ง 5 ประการนี้ยังไม่ครบ เมื่อ 5 ประการนี้ไม่ครบ มรรคมีองค์ 8 ก็ไม่ครบ ก็ให้ไปทบทวนสัจจะ 5 สถานของตัวเองให้ดี ว่าหน้าที่การงานทั้งที่บ้าน ที่ทำงาน ความจริงใจที่มีต่อทุกคน เคยพูดเคยจาอะไรกันไว้อย่างไร ก็ไปทบทวนดูว่า เราขาดตกบกพร่องอะไรบ้าง 




ประการสุดท้าย ตรวจสอบนิสัยตัวเองว่า ความไม่เข้าท่าทั้งหลาย ที่เราเคยแก้ไขไปแล้ว ก็อย่าให้มันย้อนกลับมาอีก สำรวจตรวจสอบสัจจะทั้ง 5 ประการของตัวเองได้ละเอียดเท่าไร ก็จะกลายเป็นพรที่ให้แก่ตัวเอง “ให้เราได้เป็นคนจริง เพื่อจะได้พบของจริง” ขอให้ทุกท่านทุกคนสามารถแก้ไขปรับปรุงสัจจะทั้ง 5 สถานนี้ได้ แล้วเข้าถึงพระธรรมกายเป็นอัศจรรย์เทอญ


พระธรรมเทศนาโดยหลวงพ่อทตฺตชีโว

หนังสือหลวงพ่อตอบปัญหา



ท้ายที่สุดนี้ ชีวิตของเราทุกคนจะประสบความสำเร็จ ทั้งทางโลกและทางธรรมตราบจนกระทั่งถึงที่สุดแห่งธรรมได้นั้น สัจจะคำเดียวจริง ๆ ที่จะทำให้เราทุกคน ที่เกิดมาบนโลกใบนี้สมปรารถนาพ้นทุกข์ เข้าถึงบรมสุข สิ่งที่จะทำให้เราทุกคนเข้าถึงบรมสุขได้นั้น คือการเป็นคนจริง  มีสัจจะที่จะแก้ไขตนเอง 




ด้วยการตั้งใจปฏิบัติธรรมให้เข้าถึงพระธรรมกายภายในตนให้ได้ เพื่อเป็นอุปนิสัยข้ามภพชาติของเรานี้  จะทำให้เราย่นระยะทางการเวียนว่ายตายเกิดในวัฏสงสารอันยาวไกล   สามารถกำจัดกิเลสในตนให้หมดไป   และเข้าสู่อายตนนิพพานได้ในเร็วพลัน 

ดังพุทธศาสนสุภาษิต ความว่า


สจฺจํ  หเว  สาธุตรํ  รสานํ

ความสัตย์นั่นแล  ดีกว่ารสทั้งหลาย


ที่มา : สังยุตตนิกาย สคาถวรรค (สํ. ส. ๑๕/๕๘)



กราบขอบพระคุณกราบอนุโมทนาบุญที่มาของความสมบูรณ์ของบลอค :

พระธรรมเทศนาโดยหลวงพ่อทตฺตชีโว

ลิงก์นำนั่งสมาธิ

ภาพประกอบ


5 ความคิดเห็น:

  1. ขอกราบแทบเท้าหลวงพ่อคุณครูไม่เล็กด้วยความเคารพยิ่ง สาธุ

    ตอบลบ
  2. น้อมกราบสาธุ สาธุ สาธุครับ

    ตอบลบ
  3. ขอบคุณกับบทความดีๆแบบนี้ด้วยครับ

    ตอบลบ
  4. กราบอนุโมทนาบุญเจ้าค่ะสาธุๆๆ

    ตอบลบ
  5. ⭐️🌷🙏กราบสาธุ สาธุ สาธุเจ้าค่ะ 🙏🌷⭐️

    ตอบลบ

โลกสว่างไสวด้วย...สองมือเรา

การเกิดเป็นมนุษย์เป็นของยาก การได้เกิดมาเจอคำสอนของพระพุทธศาสนา มีศรัทธารักที่จะ ละชั่ว ทำความดี ทำใจใส ๆ ตามคำสอนของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ถือ...